About Me

header ads

๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖ เปลี่ยนอนาคต เลือก พรรคเปลี่ยนอนาคต






วันนี้ (๗ เมษายน ๒๕๖๖) เวลา ๑๕.๓๐ น. ผศ.ดร. อัครนันท์ อริยศรีพงษ์ หัวหน้าพรรคเปลี่ยนอนาคต นายภิญโญ รู้ธรรม ผู้อำนวยการพรรคเปลี่ยนอนาคต พร้อมด้วย กรรมการบริหารพรรค ผู้พิการ ผู้สมัครสส.ระบบบัญชีรายชื่อ สมาชิกพรรคเปลี่ยนอนาคต ได้เดินทางมาที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ๒ เขตดินแดง เพื่อยื่นใบสมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อ โดยได้จัดทำบัญชีรายชื่อมาทั้งสิ้น ๒๓ ราย 

ผศ.ดร. อัครนันท์ อริยศรีพงศ์ หัวหน้าพรรคเปลี่ยนอนาคตกล่าวว่า วันนี้พรรคได้พาสมาชิกมาสมัครสส.ในระบบบัญชีรายชื่อ จำนวน .๒๓ คน โดยมีคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ ๓ คน ที่รู้ปัญหาของคนพิการ ขบวนการโกงคนพิการ อาสาเป็นตัวแทนคนพิการที่จะเข้ามาร่วมทวงสิทธิ์ให้กับคนพิการ โดยสมัครเป็นสส.บัญชีรายชื่อ นอกจากนี้พรรคเปลี่ยนอนาคตยังได้ส่งสมาชิกพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบ สส.เขต ทั้งกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดรวม ๖ เขต ได้แก่

 ๑. นายธนกร คงชื่นประยูร กรุงเทพมหานคร เขต ๗ บางซื่อ-ดุสิต หมายเลข ๑๓

๒. นายรัชฏะ  สมรทินกร  กรุงเทพมหานคร เขต ๑๔ เขตวังทองหลาง(แขวงเจ้าคุณสิงห์) บางกะปิ หมายเลข ๑๕

๓. ดร.วิชัย อัยรา จังหวัดขอนแก่น เขต ๕ หมายเลข ๑๕

๔. นายสุรศักดิ์ แย้มประเสริฐ จังหวัดนครสวรรค์ เขต ๕ หมายเลข.... 

๕. นางสาวเสาวนิต สุขสนาน จังหวัดสุราฎร์ธานี เขต ๔ หมายเลข...

๖.นางพิมลวรรณ โสภา จังหวัดสุราฎร์ธานี เขต ๕ หมายเลข..... 

ผศ.ดร. อัครนันท์ ฯ กล่าวว่า พรรคเปลี่ยนอนาคตเป็นพรรคประชาชนส่วนใหญ่ไม่ใช่นักการเมือง ไม่มีนายทุน เป็นการรวมตัวกันของคนทำงานด้านต่าง ๆ เป็นจิตอาสา เป็นคนงานในพื้นที่ ลงพื้นที่ทำงานใกล้ชิดกับคนพิการ ผู้ยากจน คนเป็นหนี้สิน ได้เห็นปัญหา และความยากลำบากของคนเหล่านี้ โดยเฉพาะคนพิการที่ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิ์ตามกฎหมาย สิทธิเบื้องต้น คือ ต้องผ่านการประเมินของแพทย์ว่าเป็นคนพิการจึงจะสามารถไปออกบัตรคนพิการได้ นั่นจึงเกิดสิทธิ รวมถึงเห็นคนพิการถูกโกง โดยคนพิการด้วยกันที่ร่วมมือกับสมาคมที่ก่อตั้งขึ้นมาโดยอ้างว่าเพื่อมาช่วยเหลือคนพิการแต่กลับมากินหัวคิวคนพิการ บางรายถูกฟ้องเป็นจำเลย บางรายเป็นโจทก์ฟ้อง ต้องต่อสู้คดี ต้องไปศาลด้วยสภาพร่างกายและกำลังเงินที่ไม่พร้อม การโกงคนพิการมีรูปแบบเป็นขบวนการกระจายไปทั่ว แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดปราบปรามจริงจัง รวมถึงการทุจริตเงินงบประมาณต่าง ๆ ของคนพิการ พรรคเปลี่ยนอนาคตจึงได้ชูนโยบายในการทวงสิทธิ์ให้คนพิการ ครอบครัวคนพิการ สนับสนุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนเพื่อสร้างรายได้  แก้ปัญหาความยากจนจากปัญหาหนี้สิน เป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น มีหลายคนคงสงสัยทำไมจึงชูประเด็นคนพิการ ซึ่งเป็นเพียงคนกลุ่มเล็กน้อย คำตอบเพราะคนพิการและครอบครัวคนพิการยังขาดคนดูแล คนพิการในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ ๔.๕ ล้านคน ถ้าคนพิการเหล่านี้มีคนในครอบครัวประกอบด้วยพ่อ แม่ ภรรยา ลูก ญาติ ก็จะมีคนที่ได้รับผลกระทบต้องช่วยเหลือดูแลผู้พิการ ประมาณ  ๒๐ ล้านคนเศษ ซึ่งครอบครัวคนพิการบางครอบครัวโชคดีมีความพร้อมก็สามารถเดินต่อไปได้ทั้งครอบครัว ไม่มีปัญหา แต่บางครอบครัวเมื่อมีคนพิการ ๑ คน อาจจะต้องมีคนที่เสียสละตนเองจากอาชีพเพื่อมาดูแลคนพิการ หรือวันดีคืนดี ห้วหน้าครอบครัวเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ต้องพิการไม่สารถประกอบอาชีพได้ รายได้หาย มีหนี้สินรอการชำระ ลูกต้องเรียน ต้องกิน ต้องใช้ ทำอย่างไร ? วันนี้จากสถิติพบว่ามีคนพิการจำนวน ๒.๑ ล้านคน ที่ได้รับสิทธิ์ตามกฎหมายมีบัตรคนพิการทำให้มีสิทธิ์ได้รับเงินเดือนละ ๘๐๐ บาท และสิทธิ์อื่น ๆ เช่น รถเข็น เตียงพยาบาล การจ้างงาน แต่ยังมีอีก ๒.๔ ล้านคนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสิทธิ์ คำถาม เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมคนเหล่านี้จึงไม่สามารถเข้าถึงสิทธิ์ได้? หน่วยงานที่มีหน้าที่ล่ะ ทำอะไรกันอยู่ ? นอกจากนี้ จากการที่พรรคเปลี่ยนอนาคตได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิปัญญาพัฒน์ ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนพิการให้เข้าถึงสิทธิ์โดยการมีบัตรคนพิการเป็นอันดับแรก ได้ร่วมกับบริษัทเอกชนตามมาตรา ๓๕ ส่งเสริมการประกอบอาชีพของคนพิการและผู้ดูแลคนพิการให้มีอาชีพอย่างยั่งยืน มูลนิธิฯยังช่วยเหลือคนพิการที่ถูกคนพิการด้วยกันโกง หรือสมาคมคนพิการที่จัดตั้งขึ้นมา เอารัดเอาเปรียบเก็บหัวคิวกับเงินของคนพิการ ปัจจุบันมูลนิธิปัญญาพัฒน์เพื่อคนพิการดำเนินการโดย คุณปรีดา ลิ้มนันทกุล ซึ่งเป็นคนพิการทางร่างกายจากอุบัติเหตุ มีประสบการณ์ในการช่วยเหลือคนพิการ ตัวคุณปรีดาแม้จะพิการเคลื่อนไหวลำบาก แต่มีจิตใจที่จะช่วยเหลือคนพิการด้วยกัน คนพิการซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้รับความสนใจจากภาครัฐ พวกเราจึงชักชวนคนที่มีจิตอาสามาร่วมกันก่อตั้งพรรคเปลี่ยนอนาคตเพื่อช่วยเหลือคนพิการ  ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๕. โดยในการยื่นขอจดชื่อพรรคครั้งแรกเรายื่นขอใช้ชื่อ ว่า พรรคเปลี่ยน แต่ กกต. ตอบว่า ไม่สามารถจดให้ได้ เนื่องจากคำว่า เปลี่ยน คำเดียว ไม่มีประธาน กิริยา กรรม ว่า เปลี่ยนอะไร เราจึงแก้ไขเป็น เปลี่ยนอนาคต แต่ปัจจุบันมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ใช้ชื่อที่เราเคยยื่นขอจด แต่ถูกกกต.ปฏิเสธ เราไม่ได้มีปัญหากับพรรคการเมืองนั้น เป็นสิทธิที่เขาจะขอใช้ชื่อ เพียงแต่ทางพรรคเปลี่ยนอนาคตสงสัยว่า ทำไม กกต.จึงให้อนุญาตให้ใช้ชื่อนั้นจดทะเบียนจัดตั้งพรรคได้ พรรคดังกล่าวก็มีการจัดตั้งภายหลังพรรคเปลี่ยนอนาคต กรณีดังกล่าวจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนหรือไม่ พรรคเปลี่ยนอนาคตจะได้ประชุมหารือกับกรรมการบริหารเพื่อดำเนินการต่อไป

สิ่งที่สมาชิกพรรคเปลี่ยนอนาคต ได้ทำมาตลอดและปัจจุบันก็ยังทำอยู่คือการช่วยให้คนพิการเข้าถึงสิทธิ ศึกษากฎหมายและปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อคนพิการ และหากได้รับการรับเลือกเข้ามาเป็นผู้แทน สิ่งที่จะทำทันทีตามนโยบายพรรคคือการทวงสิทธิ์ให้คนพิการอีก ๒.๔ ล้านคนที่ยังไม่มีบัตรและไม่สามารถเข้าถึงสิทธิ์ของคนพิการ ได้รับบัตรคนพิการ สามารถเข้าถึงสิทธิตามกฎหมาย ปัญหาการประเมินคนพิการที่ยังผูกขาดโดยแพทย์เพียงสาขาเดียว และไม่เป็นไปตามพรบ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งต้องได้รับการแก้ไข  คนพิการทางสายตาข้างเดียวควรทำบัตรคนพิการได้ ผู้สูงอายุที่มีความพิการควรทำบัตรคนพิการได้ รวมถึงแก้กฎหมายที่มีผลกระทบต่อคนพิการ เช่น การให้คนพิการต้องขอหนังสือรับรองแพทย์ทุกครั้งเมื่อมีการขอใช้สิทธิ์ แก้กฎหมายการจ้างคนพิการในสถานประกอบการให้มีความเหมาะสม  ผลักดันให้คนพิการเข้าถึงสิทธิ์ประกอบอาชีพอิสระปีละ ๑๒๐,๐๐๐ บาท ผู้ดูแลคนพิการที่ต้องลาออกจากงานเพื่อมาดูแลคนพิการจะไม่ลำบากเพราะจะมีเงินทุนประกอบอาชีพอิสระปีละ ๑๒๐,๐๐๐ บาททำที่บ้านและยังสามารถดูแลคนพิการได้อีกด้วย รวมถึงการสร้างองค์ความรู้ให้แก่คนพิการเพื่อมิให้คนพิการถูกเอาเปรียบ ส่งเสริมให้เอกชนหันมาช่วยกันดูแลคนพิการตามมาตรา ๓๕ หยุดขบวนการเอารัดเอาเปรียบ ทุจริตคดโกงคนพิการ การแก้ปัญหาหนี้สินทั้งนอกระบบและในระบบ สำหรับหนี้นอกระบบต้องให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ผู้บังคับใช้กฎหมายต้องกล้าที่จะดำเนินคดีกับเจ้าหนี้นอกระบบไม่ใช่เป็นเพื่อนกับเจ้าหนี้นอกระบบ สร้างแรงจูงใจกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามเจ้าหนี้นอกระบบ 

คนพิการก็คือคนไทย ที่ต้องได้รับการดูแลตามกฎหมาย ปัญหาคนพิการเป็นปัญหาระดับประเทศ เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน แต่ยังไม่มีการแก้ไข ปล่อยให้เป็นปัญหาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตเงินสนับสนุนคนพิการปีละหลายร้อยล้านบาท ถ้ามีคนพิการ ๔.๕ ล้านคน นั่นแสดงว่ามีคนในครอบครัวที่รับผลกระทบกว่า ๒๐  ล้านคน

 พรรคเปลี่ยนอนาคตให้ความสำคัญกับทุกปัญหาของสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้สิน ปัญหาการศึกษา สาธารณะสุข รัฐสวัสดิการที่รัฐบาลจำเป็นต้องจัดหาให้แก่ประชาชน ปัญหาค่าครองชีพ และปัญหาอื่น ๆ ซึ่งพรรคได้ศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขพร้อมที่จะนำเสนอสู่การเปลี่ยนชีวิตที่ดีขึ้นของพี่น้องประชาชน  และพรรคเปลี่ยนอนาคตยินดีสนับสนุนนโยบายของทุกพรรคการเมืองที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนรวมถึงนโยบายสาธารณะที่เหมาะสม จำเป็น 

นายภิญโญ รู้ธรรม ผู้อำนวยการพรรคเปลี่ยนอนาคต กล่าวว่า ตนเคยเป็นดารา นักร้อง นักแสดง ผู้บริหาร ทำงานในวงการสื่อสารมวลชนมาตลอด ไม่เคยคิดที่จะมาทำงานการเมือง ซึ่งตนยอมรับว่าไม่ถนัด ไม่ชอบ และเห็นข่าวมีแต่เรื่องการแสวงหาผลประโยชน์ แต่มาวันหนึ่งได้รับการชักชวนจากคุณอัครนันท์ ให้รู้จักอาจารย์ปรีดาที่ช่วยคนพิการได้ชักชวนตั้งชมรมจิตอาเปลี่ยนอนาคตเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระอาจารย์ปรีดา ซึ่งท่านไม่สะดวกในการเดินทางพาคนพิการไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินความพิการ หลังจากนั้นต้องพาไปทำที่อำเภอเพื่อทำบัตรคนพิการ เมื่อได้บัตรแล้วจึงจะมีสิทธิ์ได้รับเงิน ๘๐๐ บาทตามที่กฎหมายเขียนไว้  ตนได้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมเยียนคนพิการตามต่างจังหวัดหลายจังหวัด พบว่าหลายคนไม่มีบัตร จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินเพื่อช่วยเหลือในการดำรงชีพเดือนละ ๘๐๐ บาท สิทธิในการขอรถเข็น หรือเตียงนอน พบปัญหาในการเดินทางของคนพิการ พบปัญหาการประเมินของแพทย์ เช่น บางคนถูกรถชน ขาหัก ใส่เหล็กดาม กลับมาเดินไม่ปกติ ปวดขาด ทำงานไม่ได้ ขาดรายได้ ครอบครัวเดือดร้อนเพราะเป็นเสาหลักของบ้าน แต่แพทย์ลงความเห็นว่าไม่พิการ หรือผู้สูงอายุ หลังคดงอ ร่างกายผิดรูป เดินไม่สะดวก  ทำงานไม่ได้ แพทย์บอกว่ายังเดินได้อยู่ ไม่พิการ หรือคนที่ตาบอดข้างเดียว ซึ่งทัศนวิสัยในการมองย่อมต่างจากคนปกติ การทำงานอาจมีข้อผิดพลาดไม่ ๑๐๐% เหมือนคนทั่วไป ซึ่งมีจำนวนมาก คนเหล่านี้แพทย์บอกไม่พิการ ซึ่งตามหลักเกณฑ์ของสหประชาชาติเกี่ยวกับคนพิการที่ประเทศไทยได้ทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยนิยามของผู้พิการไว้ ๔ ข้อนั้น ถือว่าบุคคลเหล่านี้คือคนพิการ นอกจากนี้ตนยังเคยไปศาลกับผู้พิการที่ถูกคนพิการด้วยกันโกงเงิน คนพิการเหล่านี้ต้องสู้ด้วยตนเองไม่มีหน่วยงานไหนไปดูแล อีกทั้งเวลามีเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานรัฐแล้วเงียบหาย และที่สะเทือนใจเมื่อพาผู้ที่มีความผิดปกติทางร่างกาย ไม่สามารถประกอบอาชีพได้หรือใช้ชีวิตได้ปกติเช่นคนทั่วไปไปพบแพทย์เพื่อทำการประเมินความพิการ มีคำพูดจากเจ้าหน้าที่ว่า อยากเป็นคนพิการมากหรืออย่างไร ครั้งนั้นทำให้รู้สึกสะเทือนใจมาก และจากการทำงานดังงกล่าวตนรู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสทำสิ่งดีให้กับคนพิการ รอยยิ้ม คำขอบคุณของคนพิการที่ได้รับบัตรคนพิการ ซึ่งนับจากวันที่ได้บัตรคนพิการจะได้รับเงินเดือนละ ๘๐๐ บาท สำหรับคนปกติอาจจะเล็กน้อย แต่สำหรับคนพิการนั้นมันมีความหมายมาก เมื่อกลับมาทบทวนการช่วยเหลือช่วยได้เพียงทีละคน แล้วเมื่อไหร่ละถึงจะครบ ๒.๔ ล้านคน จึงทำให้ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคเปลี่ยนอนาคต เพราะถ้าจะช่วยทวงสิทธิ์ให้คนพิการเหล่านี้ให้ได้รับความเป็นธรรม เข้าถึงสิทธิ์ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น คนพิการสามารถได้รับเงินทุนปีละ ๑๒๐,๐๐๐ บาทเพื่อนำมาประกอบอาชีพอิสระเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ ไม่ใช่จำกัดว่าคนพิการต้องขายล็อตเตอรี่เท่านั้น ยังมีอาชีพอื่นที่คนพิการยังสามารถทำได้  ไม่เป็นภาระครอบครัว สังคม ดังนั้นการจะผลักดันให้มีการแก้ปัญหาหรือแก้กฎหมายที่เกี่ยวกับคนพิการ การจัดการกับกลุ่มหรือขบวนการทุจริตเงินคนพิการ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มบุคคลเหล่านี้ได้ใช้ช่องทางทางการเมืองเข้าสู่สภาเพื่อใช้เป็นโล่กำบังและหากินต่อไป ถ้าจะช่วยคนอื่นจะเป็นปากเป็นเสียงได้ จำเป็นต้องใช้กระบวนการทางการเมือง ซึ่งก็หวังว่าพี่น้องคนพิการ และสมาชิกครอบครัวคนพิการ รวมถึงพี่น้องประชาชนทั่วประเทศจะได้เห็นถึงความตั้งใจจริงของพรรคเปลี่ยนอนาคตในการที่อาสาเข้ามาทวงสิทธิ์ให้คนพิการ เปลี่ยนทุกชีวิตไปสู่ชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น นายภิญโญ รู้ธรรม ผู้อำนวยการพรรคเปลี่ยนอนาคต ได้กล่าวปิดท้ายว่า “ถึงเวลาเปลี่ยนอนาคตครอบครัวคนพิการไทย”