วันที่ 16 มิถุนายน 2566 เวลา 11.00 น.
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.66 ได้มีผู้เสียหายกว่า 200 คนเข้าพบ ผบช.ภ.5 เพื่อขอให้ช่วยเร่งรัดติดตามจับกุมตัวเจ้เปิ้ลพร้อมด้วยสามี กรณี เจ้เปิ้ลกับสามีได้ขายที่ดินทิพย์ โดยเหตุดังกล่าวเกิดเมื่อประมาณปลายปี 64 -ต้นปี 66 เจ้เปิ้ลพร้อมด้วยสามีได้ลงประกาศขายที่ดินตามสื่อต่างๆ เช่น facebook เพจขายอสังหาริมทรัพย์ และยังโฆษณาว่าต่างด้าวสามารถซื้อที่ดินดังกล่าวและโอนได้ในอนาคตได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยที่ที่ดินไม่มีอยู่จริง หรือมีอยู่จริงแต่ไม่สามารถโอนได้ การหลอกลวงนี้มีผู้เสียหายหลงเชื่อเข้ามาซื้อที่ดินเป็นจำนวนมากกว่า 400 ราย ใน 11 โครงการ ในพื้นที่ อ.สารภี อ.สันกำแพง อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ และ อ.เมืองลำพูน ต่อมาผู้เสียหายได้ร่วมตัวไปร้องทุกข์ที่กองปราบปราม ซึ่งกองปราบปรามได้ส่งเรื่องมายังตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ได้ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน ซึ่งผู้เสียหายเกรงว่าเรื่องดังกล่าวจะล่าช้าและไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ร่วมตัวกันมาพบ ผบช.ภ.5 เพื่อขอความเป็นธรรมและเร่งรัดคดีดังกล่าว
สำหรับความคืบหน้าในคดีนี้ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย ก็ได้สั่งการมอบหมายให้ พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนดำเนินการติดตามจับกุมตัวเจ้เปิ้ลพร้อมสามีให้ได้ภายใน 15 วัน และในวันที่ 15 มิ.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัว เจ้เปิ้ล บนถนนแห่งหนึ่งในเขต อ.ด่านขุนทด จว.นครราชสีมา และจับกุมสามีของเจ้เปิ้ล ได้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งใน อ.สีคิ้ว จว.นครราชสีมา ได้พร้อมตรวจยึดรถยนต์หรูจำนวน 2 คัน มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนการดำเนินการตามกฎหมายนั้น ขณะนี้มีการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับเจ้เปิ้ลกับพวกแล้ว 4 สถานีด้วยกัน ประกอบด้วย สภ.สารภี จว.เชียงใหม่ จำนวน 6 โครงการ ค่าเสียหายประมาณ 23.6 ล้านบาท สภ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่ จำนวน 2 โครงการ ค่าเสียหายประมาณ 7.3 ล้านบาท สภ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ จำนวน 2 โครงการ ค่าเสียหายประมาณ 11.1 ล้านบาท และ สภ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน จำนวน 2 โครงการ ค่าเสียหายประมาณ 7 ล้านบาท ขณะนี้มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ทั้ง 11 โครงการ จำนวน 222 คน มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 51.7 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการขยายผลไปยังนายหน้าหรือผู้ร่วมกระทำความผิดอื่นอีก หากพบว่าผู้ใดเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด จะดำเนินคดีทุกราย ซึ่งการกระทำของเจ้เปิ้ลกับพวกนั้น จะเข้าข่ายความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ความผิดฐานนี้ยังเป็นความผิดมูลฐานในคดีฟอกเงิน ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับการติดตามทรัพย์คืนนั้น พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย กล่าวว่าขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหากลุ่มนี้ ว่าได้นำทรัพย์ไปซุกซ่อนหรือโอนย้ายไปที่ใด จะดำเนินการติดตามคืนมาให้กับผู้เสียหาย
พร้อมกันนี้ ทางตัวแทนของผู้เสียหายได้มอบกระเช้าและช่อดอกไม้เพื่อแสดงความขอบคุณ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 และเจ้าหน้าที่ที่ตำรวจที่ได้สืบสวนสอบสวนในคดีนี้